สมุทรปราการ, ประเทศไทย, 8 มีนาคม 2561 – บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ให้การต้อนรับคณะเยี่ยมชมกิจการจากการไฟฟ้านครหลวง ที่อาคารสำนักงานใหญ่ของบริษัทฯ จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งได้รับการรับรองมาตรฐานอาคารเขียว LEED-EBOM ระดับทอง
วัตถุประสงค์หลักในการเข้าเยี่ยมชมกิจการครั้งนี้ คือการแสวงหาความร่วมมือกับเดลต้าเพื่อเพิ่มความอุปสงค์ด้านพลังงานหมุนเวียนและพลังงานสะอาดในประเทศไทย และสำรวจความพร้อมของพันธมิตรเพื่อบรรลุความร่วมมือในโครงการสมาร์ทกริดของกฟน. รวมทั้งเป็นโอกาสในการทำความเข้าใจการทำงานและประโยชน์ที่จะได้รับจากผลิตภัณฑ์และโซลูชั่นส์ด้านพลังงานสะอาดของเดลต้าในเชิงลึก ในการเยี่ยมชมกิจการครั้งนี้ นายกิตติศักดิ์ เงินงอกงามผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ให้การต้อนรับคณะผู้เยี่ยมชมซึ่งนำโดยนาย จุมภฎ หิมะเจริญ ผู้ช่วยผู้อำนวยการกองวิจัยและพัฒนา กฟน. โดยนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และโซลูชันส์สีเขียวของบริษัทฯ อันประกอบด้วยระบบ Delta Inverter ซึ่งเดลต้าฯ เป็นส่วนสำคัญของระบบผลิตพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังสถานประกอบการของบริษัทฯ เอง เครื่องชาร์จประจุพลังงานยานยนต์ไฟฟ้าซึ่งบริษัทฯ ติดตั้งพร้อมให้บริการในบริเวณที่จอดรถของบริษัท ฯ ในการนี้ เดลต้าและกฟน.ได้หารือเกี่ยวกับโซลูชันเดลต้าที่บริษัทวิจัยและพัฒนาเพื่อช่วยลดมลภาวะและลดการใช้พลังงาน รวมถึง Delta Charger 150kw ซึ่งเป็นต้นแบบสถานีชาร์จประจุรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นเรือธงของบริษัทฯ Delta Energy Storage System (ESS) พร้อมระบบควบคุมการจ่ายพลังงานแบบปรับตั้งได้ (PCS) ซึ่งทำให้เกิดประสิทธิภาพการใช้พลังงานสูงสุด
ในฐานะที่เป็นบริษัทระดับโลก เดลต้าใช้เครือข่าย R & D ที่มีอยู่ในนานาประเทศ รวมถึงเทคโนโลยีด้านพลังงานที่ดีที่สุดเพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำโซลูชั่นส์สีเขียวในประเทศไทย เครื่องชาร์จ Delta EV เป็นทางเลือกสำหรับผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำ โดยก่อนหน้านี้บริษัท ฯ ได้ส่งมอบสถานีชาร์จประจุยานยนต์ไฟฟ้าแก่ศูนย์เทคโนโลยีการเรียนรู้รถยนต์ไฟฟ้าแห่งประเทศไทย (TAI) เพื่อสนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานสีเขียวของไทย ทั้งนี้ บริษัทฯ คาดหมายว่าความร่วมมือกับรัฐวิสาหกิจชั้นนำ เช่น กฟน. จะเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ในการพัฒนาและให้บริการโซลูชั่นส์และนวัตกรรมด้านพลังงานสะอาดรวมถึงยกระดับโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานทดแทนอย่างสร้างสรรค์แก่ประเทศไทยในระยะยาว